วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แนะนำสมาชิก



แนะนำสมาชิก

1.นายบุญเลิศ   นิ่งราวี เลขที่  5


2.นายนิวพล   วัฒนจิตต์ เลขที่ 12




3.นายศักดิ์ชัย  แคล่วคล่อง เลขที่ 16




4.นางสาวจุฑามาศ  สำนัก  เลขที่ 20







อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน


อาจารย์เนตรชนก   ธานีรัตน์




จบการนำเสนอโครงงาน





หมวด ว ศ ส ห อ


       หมวด ว ศ ส ห อ





หมวด ว. ศ.
วัดรอยเท้า – คอยเทียบตัวเองกับผู้ที่เหนือกว่าเพื่อชิงดีชิงเด่น
วันพระไม่มีหนเดียว – วันหน้ายังมีโอกาสอีก (มักใช้พูดเป็นเชิงอาฆาต)
วัวลืมตีน – คนที่ได้ดีแล้วลืมฐานะเดิมของตน
วัวสันหลังหวะ – คนที่มีความผิดติดตัวทำให้มีความหวาดระแวง
วัวหายล้อมคอก – เรื่องเกิดขึ้นแล้วจึงคิดแก้ไข
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง – ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำในเรื่องนั้นเสียเอง
ศิษย์คิดล้างครู – ศิษย์เนรคุณที่มุ่งคิดจะทำลายล้างครูบาอาจารย์
ศิษย์นอกครู – ศิษย์ที่ประพฤติไม่ตรงตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์

หมวด ส.
สร้างวิมานในอากาศ – ใฝ่ฝันถึงความมั่งมี, คิดคาดหรือหวังจะมี หรือเป็นอะไรอย่างเลิศลอย
สวยแต่รูป จูบไม่หอม – มีคูปร่างหน้าตาสวย แต่มีความประพฤติและกิริยามารยาทไม่ดี
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ – ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่วย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ – สอนสิ่งที่เขารู้ดีหรือที่เขาถนัดอยู่แล้ว
สันหลังยาว – คำเรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอน
สาวไส้ให้กากิน – เอาความลับของฝ่ายตนไปเปิดเผยให้คนอื่นรู้เป็นการประจานตนหรือพรรคพวกของตน
สิ้นไร้ไม้ตอก – ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว
สิบเบี้ยใกล้มือ – ของหรือประโยชน์ที่ควรได้ก็เอาไว้ก่อน
สีซอให้ควายฟัง – แนะนำคนโง่ไม่มีประโยชน์
สุกเอาเผากิน – ทำลวก ๆ, ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ
สุนัขจนตรอก – คนที่ฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิต
เส้นผมบังภูเขา – เรื่องง่าย ๆ แต่คิดไม่ออก
เสือซ่อนเล็บ – ผู่ที่มีความเก่งกล้าสามารถแต่ไม่ยอมแสดงออกมาให้ปรากฏ
เสือนอนกิน –คนที่ได้รับผลประโยชน์หรือผลกำไร โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง
ใส่ตะกร้าล้างน้ำ – ทำให้หมดราคี, ทำให้หมดมลทิน

หมวด ห.
หนักไม่เอา เบาไม่สู้ – ไม่มีความอดทนที่จะทำการงาน
หนามยอกเอาหนามบ่ง – ตอบโต้ด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน
หน้าไหว้หลังหลอก – ต่อหน้าทำเป็นดี แต่ลับหลังก็นินทาหรือหาทางทำร้าย
หนีเสือปจระเข้ – หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ง
หมาหวงราง – คนที่หวงแหนสิ่งที่ตนเองกินหรือใช้ไม่ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่น
หมาสองราง – คนที่ทำตัวเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่มักไม่เป็นมิตรกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน
หมาหวงห้าง – คนที่หวงชองที่ตนไม่มีสิทธิ์
หมาเห่าใบตองแห้ง – คนที่เก่งแต่พูด
หมายน้ำบ่อหน้า – มุ่งหวังจะได้สิ่งที่ยังมาไม่ถึง
หอกข้างแคร่ – คนใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้
หัวมังกุท้ายมังกร – ไม่เข้ากัน, ไม่กลมกลืนกัน
หัวล้านได้หวี – ผู้ที่ได้สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ตน
หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว – ทำประชด ซึ่งรังแต่จะเสียประโยชน์
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว – เห็นผิดเป็นชอบ, เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เห็นขี้ดีกว่าไส้ – เห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้อง
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง – ทำเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีกำลังทรัพย์หรือความสามารถพอ
เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ – หยิบหย่ง, ทำอะไรไม่จริงจัง, ไม่เอาการเอางาน
เหยียบเรือสองแคม – ทำทีเข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่าย

หมวด อ.
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน – อดใจไว้ก่อน เพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า
อ้อยเข้าปากช้าง – สิ่งหรือประโยชน์ที่ตกอยู่ในมือแล้วไม่ยอมคืน
อาบน้ำร้อนมาก่อน – เกิดก่อนจึงมีประสบการณ์มากกว่า
เอาทองไปรู่กระเบื้อง, เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ – โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาล หรือคนที่มีฐานะต่ำกว่าเป็นการไม่สมควร
เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน – แสดงความรู้หรืออวดรู้กับผู้ที่รู้เรื่องดีกว่า
เอามือซุกหีบ – หาเรื่องเดือดร้อนหรือความลำบากใส่ตัวโดยใช่ที่
เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง – คัดค้านผู้ใหญ่ ผู้ที่มีอำนาจมากกว่า หรือผู้ที่มีฐานะสูงกว่า ย่อมไม่สำเร็จ และอาจได้รับผลร้ายแก่ตัวเองอีกด้วย
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ –  แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

  และนี่ก็คือ สำนวน สุภาษิตไทย ที่บ่งบอกได้ถึงวัฒนธรรมทางความคิดของคนไทยได้เป็นอย่างดี หวังว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ จะมีความรู้ความเข้าใจในสำนวน สุภาษิตไทย มากยิ่งขึ้นนะคะ^^ จุ๊ฟบาย



หมวด ม ย ร ล

หมวด ม ย ร ล






      หมวด ม.
มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก – พูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไปมาจนจับคำพูดไม่ทัน
มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี – เห่อหรือตื่นเต้นในสิ่งที่ตนไม่เคยมีไม่เคยได้จนเกินพอดี
มัดมือชก – บังคับหรือใช้วิธีการใด ๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในอำนาจและจัดการเอาตามใจชอบ
มากหมอมากความ – มากคนก็มากเรื่อง
ม้าดีดกะโหลก – มีกิริยากระโดกกระเดกลุกลนหรือไม่เรียบร้อย



มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว – มีสมบัติเพียงเล็กน้อย แต่กังวลจนนอนไม่หลับ
มือถือสาก ปากถือศีล – มักแสดงตัวว่าเป็นคนมีศีลธรรม แต่กลับประพฤติชั่ว
มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ – ไม่ช่วยแล้วยังขัดขวางการทำงานของผู้อื่น
ไม่ดูตาม้าตาเรือ – ไม่พิจารณาให้รอบคอบ
ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ – ไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล
ไม่เห็นน้ำตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม้ – ด่วนทำไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร
ไม้ใกล้ฝั่ง – แก่ใกล้ตาย



ไม้หลักปักขี้ควาย, ไม้หลักปักเลน – โลเล, ไม่แน่นอน
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก – อบรมสั่งสอนเด็กให้ประพฤติดีได้ง่ายกว่าอบรมสั่งสอนผู้ใหญ่

หมวด ย.
ยกตนข่มท่าน – พูดทับถมผู้อื่นแสดงให้เห็นว่าตัวเหนือกว่า
ยกภูเขาออกจากอก – โล่งใจ, หมดวิตกกังวล


ยกเมฆ – เดาเอา, นึกคาดเอาเอง; กุเรื่องขึ้น
ยกหางตัวเอง – ยกยอตนเอง
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว – ทำอย่างเดียวได้ผล 2 อย่าง
ยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา – เยาะเย้ยด้วยกิริยาท่าทาง
ยืนกระต่ายขาเดียว – พูดยืนยันอยู่คำเดียว ไม่เปลี่ยนความคิดเดิม
ยุให้รำตำให้รั่ว – ยุให้ผิดใจกัน, ยุให้แตก
กัน

หมวด ร.
รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา – ใฝ่ดีจะมีความสุขความเจริญ ใฝ่ชั่วจะได้รับความลำบาก
รักพี่เสียดายน้อง - ลังเลใจ, ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี
รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ – รักจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ให้ตัดความคิดอาฆาตพยาบาทออกไป รักจะอยู่กันสั้น ๆ ให้คิดอาฆาตพยาบาทเข้าไว้
ราชรถมาเกย – โชค ลาภ หรือยศตำแหน่งมาถึงโดยไม่รู้ตัว



ราชสีห์สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ – คนที่มีอำนาจหรืออิทธิพลพอ ๆ กันอยู่รวมกันไม่ได้
รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง – ทำไม่ดีหรือทำผิดแล้วไม่รับผิด กลับโทษผู้อื่น
รีดเลือดกับปู – เคี่ยวเข็ญหรือบีบบังคับเอากับผู้ที่ไม่มีจะให้
รู้งู ๆ ปลา ๆ – รู้เล็ก ๆ น้อย ๆ, รู้ไม่จริง
รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม – เรียนรู้ไว้ไม่หนักเรี่ยวหนักแรงหรือเสียหายอะไร
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง – รู้จักเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์
เรียนผูกต้องเรียนแก้ – รู้วิธีทำก็ต้องรู้วิธีแก้ไข
เรือร่มในหนอง ทองจะไปไหน – คนในเครือญาติแต่งงานกันทำให้ทรัพย์มรดกไม่ตกไปอยู่กับผู้อื่น



เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ – มีอุปสรรคเมื่อใกล้จะสำเร็จ

หมวด ล.
ล้มหมอนนอนเสื่อ – ป่วยจนต้องนอนพักรักษาตัว
ลางเนื้อชอบลางยา – ของสิ่งเดียวกัน คนหนึ่งชอบแต่อีกคนหนึ่งกลับไม่ชอบ
ลิ้นกับฟัน – การระทบกระทั่งกันบ้างแต่ไม่รุนแรงของคนที่ใกล้ชิดกัน
ลิ้นตวัดถึงใบหู – พูดจาตลบตะแลงเชื่อไม่ได้
ลูกไก่อยู่ในกำมือ – ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจ ไม่มีทางหนีหรือทางต่อสู้
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น – ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก
เล่นกับหมา หมาเลียปาก – ลดตัวลงไปหรือวางตัวไม่เหมาะสมจึงถูกลามปาม
เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ – เลี้ยงลูกศัตรูหรือลูกคนพาลจะได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง
เลือกที่รักมักที่ชัง – ลำเอียง
เลือกนักมักได้แร่ – เลือกนักมักจะได้ที่ไม่ดี (มักใช้พูดตำหนิผู้เลือกคู่ครอง)
เลือดข้นกว่าน้ำ – ญาติพี่น้องย่อมดีกว่าคนอื่น

 ฺ    

              บ๊าย บาย บาย

หมวด ผ ฝ พ ฟ


                     

                หมวด ผ ฝ พ ฟ

                

หมวด ผ. ฝ.
ผักชีโรยหน้า – การทำความดีเพียงผิวเผิน
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง – คนมั่งมีแต่แต่งตัวซอมซ่อ



ผีซ้ำด้ำพลอย – ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลง หรือเมื่อคราวเคราะห์ร้าย
ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน – พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน
ฝนทั่งให้เป็นเข็ม – เพียรพยายามสุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จผล
ฝากปลาไว้กับแมว – ไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ



ฝากผีฝากไข้ – ขอยึดเป็นที่พึ่งจนวันตาย
ฝ่าคมหอกคมดาบ – เสี่ยงภัยในสงคราม, เสี่ยงอันตรายจากอาวุธนานาชนิด

หมวด พ. ฟ.
พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น – พบหญิงสาวที่ต้องใจเมื่อแก่
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก – ความทุกข์ยากเกิดซ้อน ๆ เข้ามาในขณะเดียวกัน
พระอิฐพระปูน – นิ่งเฉย, ไม่รู้สึกยินดียินร้าย
พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ – เปลี่ยนแปงหรือทำให้ผิดไปจากเดิมอย่างตรงกันข้าม
พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ – รู้ทันกัน

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง – พูดไปไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า
เพชรตัดเพชร – คนเก่งต่อคนเก่งมาต่อสู้กัน
แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร – การยอมแพ้ทำให้เรื่องสงบ
ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด – ฟังไม่ได้ความแจ่มชัด แล้วเอาไปพูดต่อ
ไฟสุมขอน – อารมณ์ร้อนรุ่มที่คุกรุ่นอยู่ในใจ


ขอบคุณค่าบ




หมวด น บ ป



                 หมวด น บ ป


 หมวด น.
นกสองหัว – คนที่ทำตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรกัยโดยหวังประโยชน์เพื่อตน



นายว่าขี้ข้าพลอย – พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามนายไปด้วย
น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง – พูดมากแต่ได้เนื้อหาสาระน้อย
น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา – ทีใครทีมัน
น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย – คำพูดที่ตรงไปตรงมา อาจไม่ถูกใจผู้ฟัง แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัย คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน ซึ่งถูกใจผู้ฟัง แต่อาจเป็นโทษเป็นภัยได้

หมวด บ.
บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น – รู้จักผ่อนปรนเข้าหากัน มิให้กระทบกระเทือนใจกัน



บ่างช่างยุ – คนที่ชอบพูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกกัน
บ้าหอบฟาง – บ้าสมบัติ เห็นอะไร ๆ เป็นของมีค่าจะเอาทั้งนั้น, อาการที่หอบหิ้วสิ่งของพะรุงพะรัง
บุญทำกรรมแต่ง – บุญหรือบาปที่ทำไว้ในชาติก่อน เป็นเหตุทำให้รูปร่างหน้าตาหรือชีวิตของคนเราในชาตินี้ สวยงาม ดี ชั่ว เป็นต้น
เบี้ยน้อยหอยน้อย – มีเงินน้อย, มีไม่มาก
เบี้ยบ้ายรายทาง – เงินที่จะต้องใช้จ่ายหรือเสียไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ในขณะทำธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จ

หมวด ป.
ปล่อยลูกนกลูกกา – ปล่อยให้เป็นอิสระ, ไม่เอาผิด
ปลาหมอตายเพราะปาก – คนที่พูดพล่อยจนได้รับอันตราย
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก – คนที่มีอำ
ปล่อยเสือเข้าป่า – ปล่อยศัตรูไปอาจกลับมาทำร้ายภายหลังอีกนาจหรือผู้ใหญ่ที่กดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอหรือผู้น้อย
ปลูกเรือนคร่อมตอ – กระทำสิ่งซึ่งล่วงล้ำ ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม



ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน – ทำตามความพอใจของผู้ที่จะได้รับผลโดยตรง
ปอกกล้วยเข้าปาก – ง่าย
ปากปราศรัยใจเชือดคอ – พูดดีแต่ใจคิดร้าย
ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม – ยังเป็นเด็ก
ปากว่าตาขยิบ – พูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง
ปากหวานก้นเปรี้ยว – พูดจาอ่อนหวานแต่ไม่จริงใจ
ปิดทองหลังพระ – ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า
ปิดประตูตีแมว – รังแกคนไม่มีทางสู้ และไม่มีทางหนีรอดไปได้



ปีกกล้าขาแข็ง – พึ่งตัวเองได้ (เป็นคำที่ผู้ใหญ่มักใช้กล่าวเชิงตำหนิติเตียนผู้น้อย)
เป็ดขันประชันไก่ – ผู้ที่มีความรู้ความสามารถน้อย แต่อวดแสดงแข่งกับผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง
ไปไหนมาสามวาสองศอก – ถามอย่างหนึ่งตอบไปอีกอย่างหนึ่ง







Bey        Bey



หมวด ณ ด ต ถ ท



              หมวด ณ ด ต ถ ท





   ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
สํานวนสุภาษิตนี้ มีความหมายเหมือนกับสำนวน “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” โดยมีความหมายว่าการเลือกผู้หญิงที่จะเป็นคู่ครองนั้น ให้ดูกริยามารยาทของมารดาของสตรีผู้นั้นประกอบ
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการดูลักษณะช้างเผือกหห้ดูที่หาง ที่ปลายหางจะมีเส้นขนสี่ขาว

   
    ได้แกง เทน้ำพริก
สํานวนสุภาษิตนี้ ความหมายของสํานวนนี้เหมือนกับ “ได้ใหม่ ลืมเก่า” มักใช้กับผู้ชายที่ได้ภรรยาใหม่ ก็จะไม่สนใจภรรยาคนเก่าแล้ว
ที่มาของสํานวน คําว่า “น้ำพริก”เป็นอาหารที่กินกันเป็นประจำของคนไทยในอดีต และมักเปรียบเปรยเป็นภรรยาอีกด้วย (ที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา) จึงมีสำนวนคุ้นหูอีกสำนวนหนึ่งคือ “น้ำพริกถ้วยเก่า
  ดอกกระดังงาไทย ไม่ลนไฟไม่หอม
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้หญิงที่ผ่านการมีชีวิตคู่มาแล้วและต่อมาเป็นหม้าย ก็จะมีเสน่ห์ดึงดูดชายมากขึ้น
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยกับดอกกระดังงาไทย หากนำมาลนไฟด้วยเทียนขี้ผึ้งแล้ว จะส่งกลิ่นหอมที่มากกว่าเดิม
    
   เด็ดบัวไม่ไว้ใย
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการตัดความสัมพันธ์กันแบบเด็ดขาด จากที่เคยรู้จักหรือสนิทกัน ก็จะสัมพันธ์ชนิดที่ว่าไม่ต้องมาคืนดีกันอีก
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการหักก้านดอกบัว ก็มักจะมีเยื่อใยของดอกกับก้านอยู่เสมอ ไม่ค่อยขาดจากกัน หากเด็ดดอกบัวแล้วไม่เหลือใยไว้ก็จะสื่อว่าตัดขาดกันเด็ดขาด

   
   เดินตามหลังราชสีห์ ดีกว่าเดินตามก้นสุนัข
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการเป็นลูกน้องของคนที่มีอำนาจ ย่อมดีกว่าการเป็นลูกน้องของคนที่ด้อยกว่า
ที่มาของสํานวน -
     ตกกระไดพลอยโจน

ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ผิดพลาดคือการตกกระได ก็เลยกระโจนตามไปดีกว่าที่จะฝืนล้มแล้วจะเจ็บหนักกว่า
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงมีการกระทำใดที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบหลึกเลี่ยงไม่ได้ และมักจะสื่อไปในทางที่มีผลกระทบไม่ดีเกิดขึ้น
    
     ตีงูให้กากิน
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึง การลงทุนลงแรงเพื่อทำอะไรแต่ตนเองกลับไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ต้องปล้อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการที่คนเราต้องใช้ความกล้าหาญในการตีงูที่เป็นสัตว์อันตราย แต่ครั้นพอตีงูจนตายแล้วกลับไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้อยู่ดี ต้องปล่อยซากงูไว้แบบนั้น ปล่อยให้อีกามาจิกกินเอาตามสบาย

    ตีวัวกระทบคราด
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึง การไม่พอใจใครคนหนึ่งแต่ใช้วิธีว่าผ่านไปกระทบอีกคนหนึ่ง โดยเป็นลักษณะพูดจาเหน็บแนมในทางไม่ดี
ที่มาของสํานวน มาจากกคราดซึ่งใช้เป็นเครื่องมือกวาดลานฟางหรือหญ้าในนา ผูกเป็นคันยาวใช้วัว และคราดจะเป็นตักระตุ้นให้วัวทำงานลากคราดไป เมื่อคราดไม่ทำงานก็เลยใช้วิธีตีวัวให้ลากคราด เป็นที่มาของคำว่า ตีวัวกระทบคราด
     ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการกระทำที่มีการลงทุนลงแรงไปจำนวนมากแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมามีผลเล็กน้อยมากหรือแทบไม่มีประโยชน์ใดๆ
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงการตำน้ำพริกจำนวนหนึ่งหากนำไปละลายในหม้อแกงก็จะทำให้มีรสชาติอร่อย แต่หากนำน้ำพริกไปละลายในแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ไม่สามารถที่จะทำให้แม่น้ำมีรสชาติใดๆเปลี่ยนไปได้ เสียของโดยเปล่าประโยชน์
   ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการจะทำอะไรก็ให้ทบทวนดูความสามารถตนเองก่อน ต่อมาประโยคนี้เริ่่มไปใช้ในกรณีเป็นคำดูถูกคนที่ต้อยต่ำกว่า มักใช้ดูถูกผู้ชายที่มีฐานะต่ำต้อยกว่าที่ไปชอบหญิงที่มีฐานะดีกว่า 
ที่มาของสํานวน  - 


    ตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงแม้คนผู้นั้นเป็นลูกจ้างหรือมีความต่ำต้อยทางสังคม ก็ต้องรักษาความดีในตนเองอย่าให้เสียคน
ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึงแม้คนเราเป็นขี้ข้าทำงานเกี่ยวกับสิ่งไม่ค่อยสะอาดนัก ก็อย่าทำให้เสื้อผ้าเหม็นเหมือนงานที่ทำ
   ตาบอดได้แว่น

สํานวนสุภาษิตนี้ มีความหมายเหมือนกับ "หัวล้าน ได้หวี" คือการได้สิ่งที่มีค่า แต่กลับเป็นสิ่งที่คนได้ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์กับตนเองได้ 
   ตีตนไปก่อนไข้สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงหมายถึง การวิตกกังวลหรือแสดงอาการกลัวไปก่อนที่เหตุการณ์จริงจะเกิด ซึ่งเหตุการณ์นั้นๆอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
  

สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการจะกำจัดศัตรูต้องทำให้เด็ดขาด อย่าทำครึ่งๆกลางๆ ไม่เช่นนั้นในภายภาคหน้าจะโดนศัตรูกลับมาล้างแค้นได้




สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการที่ดูเหมือนว่าจะมีความละเอียดรอบคอบดีแล้ว แต่ความจริงยังมีช่องโหว่ที่เป็นอันตรายที่ยังต้องแก้ไขต่อเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีก และบางครั้งใช้เปรียบเปรยถึงการประหยัดในสิ่งที่ที่ไม่ควรประหยัด แต่กลับสุรุ่ยสุร่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น 
  
  ถ่อไม่ถึงน้ำ น้ำไม่ถึงถ่อ
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ทำไม่สุดความสามารถ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จตามต้องการ
  ถ่มน้ำลายรดฟ้าสํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการคิดร้ายหรือดูหมิ่นบุคคลที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าตนหรือเป็นที่เคารพของคนทั่วไป อนาคตอันใกล้จะมีผลร้ายเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นเสมอ 
  
  ถ่มน้ำลายแล้วกลับกลืนกินสํานวนสุภาษิตนี้ มีความหมายเหมือนกับคำว่า "กลืนน้ำลายตัวเอง" หมายถึงการที่บอกกล่าวไปแล้วว่าตัดขาดจากกันแล้ว ไม่ไปยุ่งเกี่ยวข้องกันอีก แต่ต่อมากลับคำพูดที่ตนเองเคยพูดไว้ โดยเข้าไปเกี่ยวข้อง   

  ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผลที่ได้รับตอบแทนกลับมาเป็นโทษกับผู้ที่ช่วยเหลือนั้นๆซะเอง

    ทุบหม้อข้าวตัวเองสํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการที่บอกความลัพธิ์ทางธุรกิจหรือวิธีหาเงินของตนให้กับผู้อื่น ซึ่งต่อไปภายภาคหน้าอาจส่งผลให้กับผู้ที่บอกวิธีไปนั้นอาจจะไม่สามารถนำวิธีนั้นกลับมาหาประโยชน์ได้อีกต่อไป

    ทำนาบนหลังคนสํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการหาประโยชน์จากผู้อื่นโดยใช้วิธีเบียดเบียนและขาดความมีมนุษยธรรม
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการที่ชายและหญิงแต่งงานกัน ทำให้ครอบครัวสองครอบครัวมีความแน่นแฟ้นผูกพันกัน
   ทำนาอย่าเสียไร่ เลี้ยงไก่อย่าเสียรังสํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการกระทำใดให้ทำประโยชน์ให้คุ้มค่า โดยหากขยันเพิ่มอีกนิดก็จะได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึง ผู้ที่มีพรรคพวกจำนวนมากอยู่ในพื้นที่นั้นๆ คอยรายงานข่าวเหตุการณ์ต่างๆ หรือสังเกตการณ์ กับผู้ที่ต้องการจะติดตามนั้นๆ


    





  

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หมวด จ ฉ ช ซ





สำนวนสุภาษิต หมวด จ ฉ ช ซ ฌ



     จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการจะทำอะไรให้ใช้ความระมัดระวังและคิดให้รอบคอบเสียก่อน จะได้ไม่เสียหายหรือเกิดข้อผิดพลาด สำนวนนี้บางครั้งก็เรียกว่า “จอดเรือให้ดูฝัง จะนั่งให้ดูพื้น” ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกัน
ที่มาของสํานวน เปรียบได้กับการจอดเรือหรือขี่ม้า ถ้าไม่ตรวจดูท่าจอดให้แน่นอน หรือไม่ดูหนทางที่จะขี่ม้าไปว่าจะเหมาะหรือไม่ ผลเสียหายก็ย่อมเกิดขึ้นได้

       เจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้ที่ไม่มีอยู่เป็นหลักแหล่ง หรือเปลี่ยนสถานที่อยู่ไปเรื่อย
ที่มาของสํานวน -